เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สาขาสมุทรสงคราม เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่าภาพที่เห็นนี้เจ้าหน้าที่ ททท.ได้ถ่ายไว้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 ก.ค.) ในช่วงเวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำในคลองอัมพวาแห้งขอดมากที่สุด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม อย่างไรก็ดี โดยปกติแล้วน้ำในคลองอัมพวาจะไม่แห้งขอดเช่นนี้ สำหรับครั้งนี้น่าจะมีสาเหตุจากการที่เขื่อนงดการปล่อยน้ำด้วย
เจ้าหน้าที่ ททท.บอกกับบีบีซีไทยทางโทรศัพท์ว่าปีนี้น้ำในคลองอัมพวาจะเริ่มลดลงตั้งแต่ 10 โมงเช้า จนกระทั่งแห้งขอดคลองในเวลาบ่ายสองโมง และจะมีช่วงเวลาที่น้ำไม่ขยับไปจนกระทั่งหลังห้าโมงเย็น น้ำจะค่อย ๆ กลับขึ้นมาเต็มตลิ่งในเวลากลางคืน
เจ้าหน้าที่ ททท.กล่าวด้วยว่าการที่น้ำแห้งขอดเช่นนี้อาจมีผลกับผู้ประกอบการขายของทางเรือที่มีประมาณ 50 ลำ กับผู้ประกอบการพานักท่องเที่ยวเดินทางทางเรือไปไหว้พระตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดภุมิรินทร์กุฎีทอง วัดบางแคน้อย วัดบางกุ้ง เป็นต้น
ด้านเฟซบุ๊ก TAT Samut Songkhram ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กแฟนเพจที่ ททท.จัดตั้งขึ้นเผยแพร่ภาพและข้อความว่า “อัมพวาน้ำแห้งหนักมาก" แต่ระบุด้วยว่าผู้พบเห็นไม่ต้องตกใจ เพราะเป็นธรรมชาติของอัมพวา ที่มีน้ำขึ้นน้ำลงวันละ 2 ครั้ง ปริมาณที่ขึ้นมากสุดและลงแห้งสุดขึ้นอยู่กับแต่ละเดือน ปกติเดือน ก.ค. , ส.ค. เวลาน้ำลงก็จะแห้งขอดคลองแบบนี้ แห้งสุดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็จะขึ้นเต็มคลอง คนต่างถิ่นหรือนักท่องเที่ยวที่เพิ่งพบเจออาจไม่รู้ธรรมชาติของอัมพวา บวกกับข่าวภัยแล้งก็เลยตกใจกันไปใหญ่ ข้อความระบุด้วยว่า
“เวลาน้ำแห้งนี่แหละ โอกาสทองของนักงมกุ้งเลย กุ้งแม่น้ำตัวโตๆซ่อนตัวอยู่ตามซอกหิน นักงมกุ้งลงเดินแล้วล้วงขึ้นมาได้สบายๆเลยนะ อีกกลุ่มก็คือคนเก็บของเก่า น้ำแห้งอย่างนี้ลงเดินเก็บเศษเหล็กและของมีค่าที่คนทำตกไว้ รายได้งามทีเดียว”
(ภาพจากหน้าเฟซบุ๊ก TAT Samut Songkhram)
ที่มา : บีบีซีไทย - BBC Thai
(ภาพจากหน้าเฟซบุ๊ก TAT Samut Songkhram)
ที่มา : บีบีซีไทย - BBC Thai
ไม่มีความคิดเห็น: