ข่าวดีดี

Slider[Style1]

my-style

หน้าเว็บ

Style3[OneLeft]

หน้าเว็บ

Style3[OneRight]

Style4

Style5[ImagesOnly]

อย่าทิ้ง! เห็นกระเทียมขึ้นหน่อ เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง บำรุงหัวใจ


เห็นกระเทียมขึ้นหน่อ อย่าทิ้ง! เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง บำรุงหัวใจ


นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า หากจะเลือกกินกระเทียมบำรุงร่างกายแล้ว ควรจะเลือกกลีบที่หน่อกำลังงอกขึ้น เพราะจะให้สารต้านอนุมูลอิสระ มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ เหนือกว่ากระเทียมสด

จากการทดลองในห้องปฏิบัติการ กระเทียมที่มีหน่องอก เป็นกระเทียมที่เก็บมาได้ 5 วัน มีสรรพคุณมากกว่ากระเทียมที่สดกว่า เนื่องจากสารสกัดที่ได้กระเทียมเหล่านี้จะสามารถคุ้มกันเซลล์จากความเสียหาย บางอย่างได้ดี

มนุษย์เรารู้จักสรรพคุณของกระเทียมทางยามาตั้งหลาย พันปีแล้ว และกินกระเทียมดิบหรือทำกับข้าว เพื่อใช้ในการลดไขมันในเลือด แก้ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ นอกจากนั้นยังเชื่อว่าสามารถสู้กับมะเร็ง

ดังนั้น หากเห็นกระเทียมที่ขึ้นหน่อ อย่าทิ้งนะครับ! ใบที่งอกออกมาก็ยังสามารถทานได้ แถมสรรพคุณดีเยี่ยมสุดๆ กว่ากระเทียมดิบอีกนะ!!


ที่มา...topicza.com

น่าทึ่งมากๆ ด้วยสูตรนี้..เพียงหนึ่งสัปดาห์สามารถฟื้นฟูกระดูก เส้นเอ็น ข้อต่อ และบรรเทาความเจ็บปวดได้ดี


น่าทึ่งมากๆ ด้วยสูตรนี้..เพียงหนึ่งสัปดาห์สามารถฟื้นฟูกระดูก เส้นเอ็น ข้อต่อ และบรรเทาความเจ็บปวดได้ดี

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้ระบุไว้ว่า หากเกิดปัญหาขึ้นกับข้อต่อ กล้ามเนื้อ สะบัก เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวผิดจังหวะมันสามารถสร้างความเจ็บปวดให้กับเราเป็น อย่างมาก เนื่องจากส่วนต่างๆ เหล่านี้ได้รับการกระทบกระเทือนเป็นผลให้เกิดการอักเสบและสร้างความทรมานให้ กับคุณ วันนี้เราจะช่วยคุณจัดการกับอาการเจ็บปวดให้หายไป!

เจลาตินซ่อนความลับอยู่ในสูตรนี้, เมื่อการรวมกันของเปปไทด์ โปรตีน และกรดอะมิโน สารเหล่านี้จะช่วยเร่งการพัฒนาและเสริมสร้างเนื้อเยื่อได้เป็นอย่างดี

เจลาตินจะช่วยฟื้นฟูเส้นเอ็นของคุณและช่วยยกระดับโครงสร้างเส้นผมและผิวให้ ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้มันยังช่วยปรับโครงสร้างอื่นๆ ให้สมบรูณ์แข็งแรงขึ้นอีกด้วยเช่นกัน

คุณจะต้องใช้ในปริมาณ 150 กรัมต่อวันสำหรับการกำจัดความเจ็บป่วยของคุณให้หมดไป

ใส่เจลาตินสองช้อนโต๊ะลงไปในน้ำเย็นหนึ่งแก้วผสมให้เข้ากันจนมีลักษณะคล้าย กับวุ้นหรือแยม จากนั้นให้คุณกินมันทันที หรือคุณจะนำมันไปผสมรวมกับโยเกิร์ต หรือ ชาก็ได้หากคุณชอบ

ใช้วิธีนี้สำหรับการแก้ปัญหาติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน หลังจากนั้นให้หยุดพัก 6 เดือน หลังจากหยุดพักแล้วให้คุณเริ่มต้นใช้วิธีนี้อีกครั้ง
อ คุณจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ 7 วันแรกที่เริ่มรักษาด้วยวิธีนี้

อ้างอิง : healthynutrition365.com 

แชร์ไว้เลย! คาถาเทวดา แก้โรคภัย โรคเวร โรคกรรม ที่ไม่มีหมอที่ไหนรักษาได้ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วท่องตามนี้


คาถาเทวดา แก้โรคภัย โรคเวร โรคกรรม ที่ไม่มีหมอที่ไหนรักษาได้ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วท่องตามนี้…

เมื่อตั้งจิตแล้ว ทำดีแล้ว ก็ช่วยกันแชร์ไปให้เพื่อนมนุษย์...ได้พ้นวิบากกรรมนี้ด้วยเทอญ  1 แชร์ เพื่อสร้างกุศล

คาถาแก้โรคภัย โรคเวรโรคกรรม


ตั้งนะโม3จบ นึกถึงพระพุทธเจ้า เป็นที่ตั้งก่อน แล้วท่องตามนี้…

…นะมะพะทะ ธาตุมัตตะโก
ยาวะเทวะ อะยังกาโย
ยาปะนายะ เวทนานุปัสสี ทุกรัสสะ
ยะทิทัง ปิณฑะปาโต
อุททิเสนะ สัพพะพุทธานุภาเวนะ
สัพพะเทวะตา สัพพะโรคาพยาธิ
อันตะราโย วินาศสันติ

คำแปล
ดินน้ำลมไฟ สักกะว่าเป็นธาตุ
ขอเพียงเพื่อ ให้กายนี้
ยังอัตภาพ เวทนาทั้งหลาย ทุกข์ต่างๆ
สิ่งนี้ ขอบิณฑบาตร
แล้วอุทิศให้แก่เหล่าปวงสัตว์ ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
เหล่าเทวะดาทั้งหลาย ขอให้โรคภัยไข้เจ็บ
อันตรายต่างๆ จงหายมลายสิ้นกลับคืนสู่ปกติด้วยเถิด.
แก้โรคภัยไข้เจ็บ รักษาคนป่วย แก้โรคเวรโรคกรรม ป้องกันอันตราย
ต่างๆชงัดดีนักแล ถวายเป็น พุทธะบูชา ธรรมะบูชา สังฆะบูชา เทวะบูชา สาธุๆๆ

อีกคาถาครับ

สักกัตวา พุทธะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา
สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เมฯ
สักกัตวา ธัมมะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
ปิริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา
สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เมฯ
สักกัตวา สังฆะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา นัสสันตุ ปัททะวา
สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เมฯ

พระ คาถาบทนี้เป็นพระคาถาที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานให้เทพบุตร อุณหิสวิชัย ได้ท่องพระคาถานี้ จึงได้มีอายุอยู่ในสวรรค์ต่อไป
(พระคาถาบทนี้ ส่วนมากมิค่อยทราบกัน ได้สวดแต่บทอานิสงฆ์กันเสียหมด)

ผู้ ใดหมั่นสวดพระคาถานี้ จะระงับโรคภัยไข้เจ็บ ทั้งอายุก็จะยืนยาว ใส้เสกยากินแก้โรคก็ได้ และถ้าหากผู้ใดสวดเจริญอยู่เป็นนิจ นอกจากจะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บรบกวนแล้ว ยังแคล้วคลาดจากภัยต่าง ๆ เช่น ราชภัย โจรภัย ฯลฯอีกด้วย

ผลจากการเผยแพร่นี้ ขออุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและผู้ที่เผยแพร่เองสาธุ

สูตรทำให้ต้นมะนาวลูกดก วิธีเร่งฮอร์โมนให้ออกนอกฤดู ต้นเดียวออกทุกจุด แชร์เก็บไว้เลย : แชร์สาระประโยชน์ดีๆ

วิธีทำฮอร์โมนไข่เปิดตาดอกมะนาว
 
 
 

สิ่งที่ต้องเตรียม

1.ไข่ไก่ ประมาณ 5 กิโลกรัม
2.น้ำตาลอ้อย หรือกากน้ำตาล 5 กิโลกรัม
3.นมเปรี้ยว 3 ขวด
4.แป้งข้าวหมาก 3 ลูก
 

วิธีการทำ

บดแป้งข้าวหมากให้ละเอียด เทผสมกับนมเปรี้ยว แล้วปั่นไข่ไก่ทั้งเปลือกให้ละเอียดผสมลงไป ผสมกากน้ำตาล หรือน้ำตาลอ้อยลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นปิดฝาภาชนะ หมักในที่ร่ม 7-10 วัน ก่อนการใช้ให้เราสังเกตว่าฮอร์โมนไข่ที่เราหมักนั้นหนืดหรือเหลว ถ้าหนืดหรือแห้งมากให้ใช้น้ำมะพร้าวอ่อนเติมลงไปเพื่อลดความหนืดแล้วจึงตวงออกมาใช้
ก่อนการใช้ฮอร์โมนไข้ให้เอาเศษหญ้า ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกออกจากโคนต้นเพื่อไม่ให้ไนโตรเจนละลายไปเลี้ยงลำต้น จากนั้นใช้ฮอร์โมนไข่ 50 ซีซี ผสมน้ำ 20 ลิตร ราดลงที่โคนต้นที่เตรียมไว้แล้ว พร้อมๆ กันกับผสมฮอร์โมนไข่ 10 ซีซี บวกกับน้ำตาลทราย 2-3 ช้อนแกง ต่อน้ำ 20 ลิตรฉีดพ่นทางใบ
โดยอาจจะใช้ ร่วมกับปุ๋ย 0-52-34 อัตรา 10 กรัม, ไวตาไลเซอร์ 5 กรัม และ น้ำมะพร้าวอ่อน 100 ซี.ซี. เพิ่มเข้าไปอีกก็ได้เพื่อช่วยเสริมและกระตุ้นการเปิดตาดอกให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้นโดยฉีดพ่นให้กระจายทั่วทรงพุ่มให้เปียกชุ่มโชก ฉีดอาทิตย์ละครั้งเพื่อให้กระตุ้นให้มะนาวเตรียมแตกใบอ่อนพร้อมต่อการออกดอก 
 

 สูตรเปิดตาดอกมะนาว(แบบฝนตกชุกๆ)มีปัญหาเรื่องกรดใบอ่อนครับ  

13-0-46
(1000)กรัม + ไธโอยูเรีย (1000)กรัม + ธาตุอาหารรอง-อาหารเสริม+สารหร่าย
200 ซีซี+แคลเซียมโบรอน200ซีซี +สมุนไพรกำกัดแมลง
ฉีดช่วงเข้าครับ 1 รอบแล้วหลังจากนั้นอีก 7 วันฉีดสูตรเดิมอีก 1 รอบ แล้วนับเวลาถอยหลัง อีก 15 วันดอกมะนาวจะเริ่มออกดอกครับ 

     หมายเหตุ ใบมะนาวจะร่วงครับไม่ต้องตกใจ แต่จะล่วงเฉพาะใบแก่เท่านั้นครับ แล้วหลังจากนั้นมะมาวจะออกช่อและดอกมาพร้อมกันครับ

 

 

 วิธีทำมะนาวออกนอกฤดู

 ในการบังคับให้มะนาวออกดอกติดผลนอกฤดู ก็คือการทำให้มะนาวออกดอกในเดือนตุลาคม ดังนั้นเดือนกันยายนเกษตรกรผู้ปลูกมะนาวต้องงดปุ๋ย งดน้ำ เพื่อที่จะบังคับมะนาวให้มีผลผลิตนอกฤดู โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. ตัดแต่งกิ่งและเด็ดผลมะนาวที่เหลือบนต้นออกให้หมด เพื่อบำรุงต้น เร่งการสร้างยอดใหม่ ใบใหม่ เพราะผลมะนาวที่คุณภาพดีที่สุดคือผลที่เกิดจากยอดใหม่ ผลที่เกิดจากกิ่งเก่าคุณภาพจะด้อยลงมา ผลที่คุณภาพต่ำสุดคือผลที่เกิดติดกิ่ง 
2. หลังตัดแต่งกิ่งเสร็จใช้ปุ๋ยเคมี 15 – 15 – 15 ใส่หนึ่งกำมือต่อวง หากไม่ใช้ปุ๋ยเคมีเลย ต้นจะไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าที่ควร และพบอาการผลเหลืองที่ไม่ได้เกิดจากอาการม้านแดดมากกว่าปกติ เนื่องจากการให้ผลผลิตในปีที่ผ่านมา ต้นมะนาวใช้ธาตุอาหารในการเลี้ยงลูกในปริมาณที่มากนั้นเอง จึงจำเป็นต้องได้รับปุ๋ยเคมีบ้าง
3. เพิ่มวัสดุปลูกในวงบ่อเนื่องจากในแต่ละปีวัสดุปลูกจะยุบลงผุพังไปบ้างในปีที่ผ่านมา อาจเพิ่มกาบมะพร้าว เศษฟาง ใบไม้ หรือขี้เถ้าแกลบ ซึ่งวัสดุพวกนี้จะช่วยเก็บความชื้นได้เป็นอย่างดีและยังเป็นวัสดุที่ช่วยเก็บรักษาปุ๋ยที่จ่ายมาทางระบบน้ำก่อนจะค่อย ๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้ต้นมะนาวใช้ ป้องกันการสูญเสียธาตุอาหารอันเกิดจากการไหลบ่า หรือการระเหย
4. ให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพที่ได้จากการหมักหอยเชอรี่ 30 กก. เศษผลไม้ 10 กก. กากน้ำตาล 10 กก. สารเร่งพด.2 จำนวน 25 กรัม ต่อน้ำ20 ลิตร (สูตรนี้สามารถใช้ฉีดพ่นทางใบ ในอัตรา 20 – 25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตรได้) ในส่วนของการให้ปุ๋ยชีวภาพทางระบบน้ำนั้น เทคนิคคือใช้ปุ๋ยชีวภาพในอัตรา 5 ลิตร ต่อน้ำ 1,250 ลิตร ให้ทุก 5 – 7 วัน โดยจะให้ครั้งละ 3 – 5 นาที เพื่อให้เศษวัสดุบริเวณโคนต้นชุ่มก็พอ หลังจากนั้นก็ให้น้ำตามปกติ เพราะน้ำจะค่อย ๆ ละลายธาตุอาหารลงไปให้ต้นมะนาวและยังเป็นการใช้ปุ๋ยให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 

5. ในระยะนี้ต้องดูแลสวนมะนาวให้ดี เนื่องจากมีโรคและแมลงเข้าทำลายในระยะยอดอ่อน คือ เพลี้ยไฟ และโรคแคงเกอร์ ควรใช้สารกำจัดแมลงที่สกัดจากสมุนไพรทางธรรมชาติ เช่น สมุนไพรที่ มีรสเผ็ด ขม เหม็น เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด สะเดา หรือบอระเพ็ด คือให้ใช้สมุนไพรดังกล่าวอย่างใดอย่างหนึ่ง 30 กก. กากน้ำตาล 10 กก. สารเร่งพด.7 จำนวน 25 กรัม ต่อน้ำ 30 ลิตร หมัก 20 วัน นำมาฉีดพ่นในอัตรา 25 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ทุก 7 – 15 วัน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค และควรใช้ในระยะก่อนเก็บเกี่ยวไม่น้อยกว่า 2 เดือน
6. ให้งดน้ำและงดปุ๋ยมะนาวจนเห็นว่าใบเหี่ยวและหลุดร่วงประมาณ 50 – 60 เปอร์เซ็นต์ หลังจากนั้นก็ให้น้ำตามปกติ ปุ๋ยเคมีที่ใช้เพื่อเปิดตาดอกในระยะนี้ คือ ปุ๋ยที่มีตัวกลางสูง เช่น 12 – 24 – 12 หรือ 15 – 30 -15 ปริมาณ 1 กำมือต่อวงบ่อ และควรรดน้ำให้ชุ่มเพื่อให้ปุ๋ยละลายต่อไป
สำหรับเกษตรกรบางท่าน เลือกใช้วิธีพลาสติกคลุมบ่อในช่วงนี้ด้วย แต่ต้องพิจารณาปัจจัยที่ว่า พลาสติกก่อให้เกิดไอน้ำเกาะบริเวณผิวด้านในพลาสติก ซึ่งทำให้ลดความชื้นในดินยาก หากจะให้ได้ผลดี ในวันที่แดดออกต้องแกะพลาสติกออกให้น้ำระเหย หากฝนตกต้องคลุมพลาสติก เป็นการจัดการที่ยากในกรณีที่ไม่มีแรงงานเพียงพอ
7. หลังติดดอกแล้วก็ให้น้ำตามปกติเช้า – เย็น (ระบบน้ำหยดจะใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที) จนกระทั่งมะนาวออกผลผลิต ก็เป็นจบขั้นตอนการทำมะนาวนอกฤดู
 


น้ำสมุนไพรไทยนี้ ช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดัน คอเลสเตอรอล

น้ำสมุนไพรไทย ช่วยบำรุงหัวใจ ลดความดัน คอเลสเตอรอล ทำก็ง่าย ราคาก็ไม่แพง แถมประโยชน์เพียบ

 

ส่วนประกอบ 

1. กระเจี๊ยบแดง (สด) 1 ขีด
2. พุทราจีน (แห้ง) 2 ขีด
3.ใบเตย 1 กำมือ
4. น้ำตาลทราย (สำหรับผู้ติดหวานนิดๆ) 
 

วิธีทำ 

1. ล้างกระเจี๊ยบให้สะอาดแล้วใส่ลงหม้อ ตามด้วยเทน้ำ
ใส่ลงไป ประมาณ 4 ลิตร
2. ล้างพุทราจีนให้สะอาด บีบให้แตกเอาเมล็ดออกแล้วใส่ตามลงไป
2. หั่นใบเตยเป็นท่อนๆ ใส่ตามลงไป
3. ต้มเคี่ยวให้เดือดประมาณ 1/2 ชั่วโมง ทิ้งไว้สักครู่จึงยกลงใช้ดื่มแทนน้ำ ผสมน้ำแข็ง
4. สำหรับผู้ติดหวาน เติมน้ำตาลทรายลงไปได้บ้างเล็กน้อยพอให้ได้รส หรือถ้าไม่เติมน้ำตาล ใช้ใบหญ้าหวาน 
หรือลำใยตากแห้งแทน จะได้ความหวานจากธรรมชาติ 
 

 สรรพคณ

@ กระเจี๊ยบ 

 ลดความดันโลหิตสูง เส้นเลือดแข็งตัว เส้นเลือดหัวใจตีบตัน
ลดไขมัน คอเลสเตอรอล ในเส้นเลือด
ลดอาการสมองเสื่อม , อาการชาปลายนิ้ว
ทำให้ความเหนียวข้นของเลือดลดลง
มีฤทธิ์ขับปัสสาวะเป็นการช่วยลดความดัน
ช่วยย่อยอาหารเพราะไม่เพิ่มการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร
เพิ่มการหลั่งน้ำดีจากตับ
สารแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็ง
ป้องกันเส้นเลือดในสมองเปราะ บำรุงประสาท แก้โรคนอนไม่หลับ 
 

@พุทราจีน 

 เป็นยาบำรุงเลือด ช่วยบำรุงสายตาและผิวให้สุขภาพดีไม่เป็นโรคเกี่ยวกับผิวพรรณและ สายตา ตาไม่ฟาง และไม่บอดกลางคืน ช่วยบำรุงประสาท เลือด กระเพาะอาหารและม้าม
 

@ใบเตย 

 ช่วยแก้อาการอ่อนเพลียของร่างกายได้
ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย
ช่วยลดความดันโลหิต
ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด
ยาขับปัสสาวะ
ใช้รักษาโรคหืด (ใบ)
ข้อแนะนำ
*ไม่ควรต้มกระเจี๊ยบกินเดี่ยวๆ เป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้ไตเสื่อม จึงต้องมีพุทราจีนตากแห้งผสมลงไปเป็นตัวแก้และยังช่วยบำรุงไตไปพร้อมกัน
*ไม่เติมน้ำตาลหรือเติมก็ได้แต่ไม่ควรเติมน้ำตาลให้หวานเกินไป




 

อย่ารู้ช้าไป!! 7 วิธี กระชับรูขุมขนแบบธรรมชาติ ทำแล้วผิวหน้าละเอียดขึ้น ด้วยสูตรนี้!

อย่ารู้ช้าไป!! 7 วิธี กระชับรูขุมขนแบบธรรมชาติ ทำแล้วผิวหน้าละเอียดขึ้น ด้วยสูตรนี้!

วิธีการทำ
1.นำน้ำผึ้งมาผสมกับโยเกิร์ต
2.นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
หรืออาจจะนำน้ำผึ้งมานวดหน้าอย่างเดียวก็ได้ค่ะ
วิธีนี้นะคะจะช่วยลดริ้วรอย ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งมีประกาย และที่สำคัญช่วยให้รูขุมขนนั้นกระชับอีกด้วย
5.ใบบัวบก
วิธีการทำ
1.นำใบบัวบกมาปั่น และนำไปผสมกับน้ำเย็น
2.พอกทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที
3.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ซึ่งใบบัวบกนั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างใน ร่างกายนั่นเอง แค่เพียงเท่านี้ก็สามารถกระชับรูขุมขนได้แล้วล่ะค่ะ
6.น้ำตาลทราย
วิธีการทำ
1.นำน้ำตาลทรายผสมกับน้ำผึ้งและนำมันมะกอก
2.นำไปทาบนใบหน้าแล้วขัดเบาๆ โดยค่อยหมุนนิ้วเป็นวงกลม เน้นบริเวณที่มีรูขุมขนกว้าง
3.ปล่อยทิ้งไว้ประมาร3-4 นาที
4.ล้างออกด้วยน้ำที่เย็นจัด
วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่นิยมใช้กันมากเลยนะคะ ซึ่งน้ำผึ้งนั้นช่วยในการลดความมันบนใบหน้าและทำให้รูขุมขนบนใบหน้านั้นเล็ก ลงด้วยล่ะค่ะ
7.แตงกวา
วิธีการทำ
1.นำแตงกวามา 1 ลูกมาบดให้ละเอียด
2.นำมาผสมกับมะนาวประมาณ 2-3 หยด
3.แล้วนำมาทาบนหน้าทิ้งไว้ประมาณ 158-20 นาที
4.ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีนี้นะคะทำให้ใครหลายๆคนประทับใจมานักต่อนักแล้วล่ะค่ะ เนื่องจากในแตงกวานั้นทำให้เย็นจึงช่วยในเรื่องของการลดรูขุมขนด้วยนั่นเอง และมะนาวนั้นช่วยในการลกจุดด่างดำ และสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอบนใบหน้าด้วยนั่นเองค่ะ
เป็นยังบ้างคะ 7 สูตรกระชับรูขุมขนที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เป็นสูตรตามธรรมชาติไร้สารเคมีและปลอดภัยแน่นอนค่ะ ในแต่ละสูตรนอกจากจะช่วยลดรูขุมขนแล้วยังมีคุณสมบัติอื่นๆที่ช่วยบำรุงผิว อีกด้วย เรียกว่าคุ้มสุดๆไปเลยนะคะ วิธีการทำก็ทำไม่ยากและหาได้ง่ายด้วยล่ะค่ะ ยังก็ลองเลือกไปทำกันดูนะคะ ได้ผลยังไงอย่าลืมมาแชร์ให้ฟังกันด้วยนะคะ

กระจ่าง แจ่มแจ้ง สักที! วิธีทำไข่เยี่ยวม้า ทำกินเองได้แล้วทำขายสร้างอาชีพอยู่รอดถึงขั้นรวยๆ!!!

กระจ่าง แจ่มแจ้ง สักที! วิธีทำไข่เยี่ยวม้า ทำกินเองได้แล้วทำขายสร้างอาชีพอยู่รอดถึงขั้นรวยๆ!!!
วิธีทำไข่เยี่ยวม้า ทำกินเองได้สร้างอาชีพอยู่รอดถึงขั้นรวยๆ!!! ไข่เยี่ยวม้า ไม่จำเป็นต้องเป็นไข่เป็ด แต่พวก ไข่ไก่ ไข่นกกระทาก็ได้เช่นกัน แต่เหตุผลที่เลือกไข่เป็ดเพราะไข่แดงจะใหญ่และเยอะกว่าไข่ชนิดอื่น เรามาดูวิธีทำ ไข่เยี่ยวม้า ในขั้นตอนดังนี้ค่ะ

สูตร ไข่ 15 ฟอง
ไข่เป็ด 15 ฟอง
ปูนขาว 300 กรัม
เกลือ 200 กรัม
ใบชาดำ 30 กรัม
น้ำสะอาด 2 ลิตร
สังกะสีออกไซด์ 1 กรัม
โซเดียมคาร์บอเนต 120 กรัม



วิธีทำ
ล้างไข่ให้สะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วเรียงไข่ลงไปในโหลสะอาด
ต้มน้ำ ใส่ปูนขาว เกลือ โซเดียมคาร์บอเนต ใบชาดำ ต้มให้ทุกอย่างละลาย แล้วปิดไฟ ยกลงมาตั้งพักไว้ให้เย็น
เมื่อน้ำที่ต้มเย็นได้ที่แล้ว กรองเอาเศษตะกอนออก และเติมสังกะสีออกไซด์ลงไป คนให้เข้ากัน
เทน้ำต้มลงไปในโหล ให้ท่วมไข่ หาถุงพาสติกใส่น้ำแล้วมัดปากถุงวางทับลงบนไข่เพื่อให้ไข่จมน้ำ (ถ้าไข่ลอยเหนือน้ำ ไข่จะเสีย) ปิดฝาโหลดด้วยผ้าข้าวบาง แช่ทิ้งไว้ 30 วัน
ครบวันที่กำหนด เทน้ำทิ้งในโหลทิ้ง ล้างไข่ด้วยน้ำสะอาด ทิ้งไว้ให้แห้ง แล้วเคลือบไข้ด้วยดินขาวผสมแป้งเปียก เก็บไว้ 10 วัน ก็นำไปประกอบอาหารได้


ที่เปลือกไข่มีสีชมพู ก็คิดว่าทาสีชมพูเพื่อให้รู้ว่านี้คือไข่เยี่ยวม้า แต่จริงๆ แล้ว สีชมพูที่เปลือกไข่เกิดจากปฏิกิริยาของปูนขาวที่ทำให้เปลือกไข่เป็ดสี ขาวกลายเป็นชมพู แต่ส่วนไข่เยี่ยวม้าที่ยังเป็นสีของเปลือกเดิมอยู่เพราะทำแล้วทานเลยไม่ได้ เก็บด้วยปูนขาว

ที่มา : siamupdate